หน้าแรก ข่าวเศรษฐกิจ DR ใหม่ ‘HKTECH13 – JAPAN13’ เริ่มซื้อขาย 5 ม.ค.นี้

DR ใหม่ ‘HKTECH13 – JAPAN13’ เริ่มซื้อขาย 5 ม.ค.นี้

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รับตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (Depositary Receipt: DR) 2 หลักทรัพย์ใหม่ ที่อ้างอิง ETF ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง

436
0
พื้นที่โฆษณา 1

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้อนุมัติให้บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ออกตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (Depositary Receipt: DR) 2 หลักทรัพย์ใหม่ อ้างอิง ETF ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ได้แก่

  • DR “HKTECH13” อ้างอิงกองทุน Hang Seng TECH Index ETF ที่เน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ 30 แห่งในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามดัชนี Hang Seng TECH
  • DR “JAPAN13” อ้างอิงกองทุน ChinaAMC MSCI Japan Hedged to USD ETF ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นโดยอ้างอิงดัชนี MSCI Japan 100% Hedged to USD ที่จะสร้างผลตอบแทนสอดคล้องกับตลาดหุ้นญี่ปุ่น พร้อมกับมีการป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินเพื่อช่วยหลีกเลี่ยงความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นจากการอ่อนค่าของเงินเยน

ทั้ง 2 DR จะเปิดซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2567 เป็นต้นไป ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ที่มี ด้วยเงินบาท

DR เป็นตราสารที่ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับสิทธิประโยชน์เสมือนการถือครองหลักทรัพย์ต่างประเทศ โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนตามดัชนีอ้างอิง แต่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการโอนย้ายหลักทรัพย์ระหว่างประเทศ รวมถึงไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพคล่องในการซื้อขาย

สำหรับ DR “HKTECH13” เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง และต้องการกระจายความเสี่ยงไปยังตลาดต่างประเทศ โดย DR นี้จะมีความเสี่ยงสูงกว่าการลงทุนในหุ้นไทย เนื่องจากดัชนี Hang Seng TECH ประกอบด้วยหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าตลาดสูง ซึ่งมีความผันผวนสูง

สำหรับ DR “JAPAN13” เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้นญี่ปุ่น และต้องการป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงิน โดย DR นี้จะมีความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในหุ้นไทย เนื่องจากดัชนี MSCI Japan 100% Hedged to USD มีการคุ้มครองความเสี่ยงจากค่าเงินเยน

ทั้งนี้ ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดของ DR ทั้งสองอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน เพื่อให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงและเป้าหมายการลงทุนของตนเอง

ขอบคุณที่แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (Depositary Receipt: DR) ที่เพิ่มเข้ามาในตลาด 2 รายการ ดังนี้:

1. **DR “HKTECH13″**
– อ้างอิงกองทุน: Hang Seng TECH Index ETF
– วัตถุประสงค์: เน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ 30 แห่งในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
– ผู้ออก: บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
– วันเริ่มซื้อขาย: 5 มกราคม 2567
– เว็บไซต์ข้อมูลเพิ่มเติม: [setinvestnow](https://www.set.or.th/set/distribution/th/etf/HKTECH13.html)

2. **DR “JAPAN13″**
– อ้างอิงกองทุน: ChinaAMC MSCI Japan Hedged to USD ETF
– วัตถุประสงค์: ลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นโดยอ้างอิงดัชนี MSCI Japan 100% Hedged to USD
– ผู้ออก: บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
– วันเริ่มซื้อขาย: 5 มกราคม 2567
– เว็บไซต์ข้อมูลเพิ่มเติม: [setinvestnow](https://www.set.or.th/set/distribution/th/etf/JAPAN13.html)

DR เป็นตราสารที่ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับสิทธิประโยชน์เสมือนการถือครองหลักทรัพย์ต่างประเทศ และสามารถซื้อขายผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ที่มี ด้วยเงินบาท โดย DR จะเปิดซื้อขายแบบต่อเนื่องตลอดช่วงเวลาซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์สำนักงาน ก.ล.ต. หรือ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือศึกษาผลิตภัณฑ์ DR เพิ่มเติมที่ [setinvestnow](https://www.set.or.th/set/distribution/th/home.html)

 

HKTECH13

อีกหนึ่งดัชนีที่น่าสนใจ เพราะมีการไปลงทุนใน Hang Seng TECH Index ETF (3032.HK) ซึ่งได้ไปจดทะเบียนอยู่ใน Hong Kong Stock Exchange หรือตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ที่จะเน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ 30 แห่ง เพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามดัชนี Hang Seng TECH

 

โดยดัชนี Hang Seng TECH สามารถสะท้อนภาพรวมของกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่มีรายได้มาจากเทคโนโลยี ซึ่งประกอบไปด้วย บริษัทชั้นนำที่กระจายไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศกลุ่มสินค้าสุขภาพกลุ่มสินค้าการเงินกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย และกลุ่ม Healthcare

 

สำหรับตัวอย่าง 5 บริษัทชั้นนำที่อยู่ในดัชนี Hang Seng TECH ได้แก่

 

– XIAOMI CORP (ลงทุนในสัดส่วน 8.72%)

บริษัทเทคโนโลยีที่ไม่ได้มีเพียงแค่สมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่ยังมีสินค้าที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน และครอบคลุมกลุ่มคนทุกไลฟ์สไตล์อีกด้วย เช่น เครื่องฟอกอากาศ เครื่องดูดฝุ่น เครื่องชั่งน้ำหนัก

 

– TENCENT HOLDINGS (ลงทุนในสัดส่วน 8.33%)

มีธุรกิจหลากหลาย โดยจะมีทั้งแอปพลิเคชันแชท เกมออนไลน์ บริการธุรกรรมทางด้านการเงิน รวมถึงสตรีมมิ่งชื่อดังต่าง ๆ ถือว่าเป็นบริษัทที่เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มที่ชาวจีนนิยมใช้กันมาก

 

– KUAISHOU TECHNOLOGY 8.3%

เป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมคอนเทนต์วีดีโอสั้น และการไลฟ์สตรีมมิง จนถูกเรียกได้ว่าเป็นคู่แข่งของ TikTok เพราะมีผู้ใช้งานจำนวนมาก และยังได้รับความนิยมจากคนในจีนอีกด้วย

 

– JD.COM INC 8.26%

เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแบบครบวงจรชั้นนำของจีน โดยให้บริการลูกค้าที่ใช้งานอยู่มากกว่า 580 ล้านราย เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอุตสาหกรรม การพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน รองรับจำนวนคำสั่งซื้อขายหลายล้านรายการผ่านเครือข่ายทั่วประเทศของจีน

 

– ALIBABA GROUP HOLDING 6.94%

เจ้าแห่งธุรกิจอีคอมเมิร์ซในจีน ที่มีธุรกิจอยู่ในเครือมากมาย ตั้งแต่กลุ่มคลาวด์ โลจิสติกส์ บริการในท้องถิ่น รวมถึงสื่อดิจิทัล และสื่อบันเทิง

 

สรุปข้อมูลเพิ่มเติมของ HKTECH13

  • สินทรัพย์อ้างอิง กองทุน ETF: HANG SENG TECH INDEX ETF (3032.HK)
  • มีบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) เป็นผู้ออกตราสาร และดูแลสภาพคล่อง
  • อัตราส่วน 1 หลักทรัพย์อ้างอิง: 5 DR
  • ซื้อขายขั้นต่ำ 1 หน่วยลงทุน
  • มี Hang Seng Investment Management Limited เป็นผู้จัดการกองทุน
  • การจ่ายปันผลในอดีต (2020 – 2023) : ไม่มี ราคา HKTECH13 จำลองสูงสุดต่ำสุดย้อนหลังภายใน 1 ปี*: ราคาสูงสุด 4.09 บาทราคาต่ำสุด 3.13 บาท
  • ราคา HKTECH13 (โดยประมาณ)**3.36 บาท

 

JAPAN13

ถือเป็น DR ตัวแรกของประเทศไทยที่ไปลงทุนในตลาดหุ้นของญี่ปุ่น โดยจะมีการอ้างอิงกับกองทุน ChinaAMC MSCI Japan Hedged to USD ETF (3160.HK) ที่จดทะเบียนอยู่ใน Hong Kong Stock Exchange หรือตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง

 

โดยกองทุนตัวนี้จะอ้างอิงไปกับ MSCI Japan 100% Hedged to USD Index ที่จะสร้างผลตอบไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นญี่ปุ่น

 

พร้อมกับมีการป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินเยนไปเป็นค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยหลีกเลี่ยงความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น จากการอ่อนค่าของเงินเยน และหากได้กำไรจากการป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว ก็จะมีการนำเงินส่วนนั้นไปลงทุนใหม่ในช่วงสิ้นเดือนต่อไป

 

สำหรับตัวอย่าง 5 บริษัทที่ไปลงทุน จะเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่ และมีการเติบโต ประกอบไปด้วย

 

– TOYOTA MOTOR CORP (ลงทุนในสัดส่วน 5.64%)

ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลกจากญี่ปุ่น มีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย และมีกำลังการผลิตที่แข็งแกร่ง รวมถึงยังมียอดขาย และจำนวนการผลิตเป็นอันดับ 1 ในไทย

 

– SONY CORP (ลงทุนในสัดส่วน 3.44%)

บริษัทผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากญี่ปุ่น ซึ่งในปัจจุบันก็มีการขยายไปยังธุรกิจเกม และธุรกิจด้านการเงินที่กำลังมีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

– MITSUBISHI UFJ FINANCIAL (ลงทุนในสัดส่วน 2.82%)

กลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีเครือข่ายกว่า 2,300 แห่ง และยังกระจายไปยัง 50 ประเทศทั่วโลก

 

– KEYENCE CORP (ลงทุนในสัดส่วน 2.48%)

บริษัทจากญี่ปุ่น มีความโดดเด่นในด้านการผลิตระบบเซ็นเซอร์ และระบบอัตโนมัติสำหรับใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมชั้นนำต่าง ๆ

 

– TOKYO ELECTRON (ลงทุนในสัดส่วน 2.34%)

ผู้นำด้านการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในญี่ปุ่น พร้อมทั้งมีโรงงานผลิตกระจายไปยังหลายจังหวัดในประเทศญี่ปุ่น

 

สรุปข้อมูลเพิ่มเติมของ JAPAN13 

  • สินทรัพย์อ้างอิง กองทุน ETF: ChinaAMC MSCI Japan Hedged to USD ETF (3160.HK)
  • อัตราส่วน 1 หลักทรัพย์อ้างอิง: 25 DR
  • ซื้อขายขั้นต่ำ 1 หน่วยลงทุน
  • มีบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) เป็นผู้ออกตราสาร และดูแลสภาพคล่อง
  • มี China Asset Management (Hong Kong) Limitedเป็นผู้จัดการกองทุน
  • การจ่ายปันผลในอดีต (2020 – 2023) : 2 ครั้ง
  • ราคา JAPAN13 จำลองสูงสุดต่ำสุดย้อนหลังภายใน 1 ปี*: ราคาสูงสุด 3.23 บาทราคาต่ำสุด 2.22 บาท
  • ราคา JAPAN13 (โดยประมาณ)**3.05 บาท