หน้าแรก Apple iOS 16.3 มีอะไรใหม่? ไฮไลต์เด่น Security Key-การปกป้องข้อมูลขั้นสูง

iOS 16.3 มีอะไรใหม่? ไฮไลต์เด่น Security Key-การปกป้องข้อมูลขั้นสูง

1028
0
พื้นที่โฆษณา 1

เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ที่ผ่านมา แอปเปิล (Apple) ได้ทำการอัปเดตระบบปฏิบัติการ iOS เวอร์ชันใหม่ 16.3 ให้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดได้แล้ว มาดูกันดีกว่าว่า iOS 16.3 นี้ มีอะไรใหม่บ้าง?

iOS 16.3 เป็นการอัปเดตล่าสุดที่ทิ้งระยะห่างเพียงแคราว 1 เดือนจาก iOS 16.2 ที่ปล่อยออกมาก่อนหน้า โดยได้มีการแก้ไขปัญหาและบั๊กของระบบปฏิบัติการเวอร์ชันเดิม รวมถึงมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ เข้ามาด้วย เช่นวอลล์เปเปอร์ใหม่ แก้ไขระบบขอความช่วยเหลือ SOS แต่ที่สำคัญที่สุดคือการยกความปลอดภัยผู้ใช้

 

เพิ่มกุญแจรักษาความปลอดภัย (Security Key)

แอปเปิลยกระดับความปลอดภัยผู้ใช้ Apple ID ด้วยการเพิ่มกุญแจรักษาความปลอดภัยภายนอกเข้ามา นอกเหนือไปจากระบบยืนยันตัวตน Two-Factor Authentication ที่มีอยู่เดิม

กุญแจรักษาความปลอดภัยนี้จะเป็นเหมือนกับกุญแจบ้านที่จะล็อกบ้านของเราไว้อีกชั้นหนึ่ง ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับการยืนยันตัวตนด้วย Two-Factor Authentication

ทั้งนี้ กุญแจรักษาความปลอดภัยนี้จะมาในรูปแบบของ “ฮาร์ดแวร์” คือเป็นอุปกรณ์จริง ๆ ที่นำมาเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์เพื่อเข้าสู่ระบบ

ดังนั้นพูดง่าย ๆ คือ เมื่อเราต้องการใช้งานอีกอุปกรณ์หนึ่งที่เราไม่เคยใช้มาก่อน โดยปกติระบบจะทำกายืนยันตัวตน ให้เราเข้าไปเอารหัสยืนยันจากอีเมล หรือจากข้อความที่ส่งให้ในโทรศัพท์ แต่หากมีกุญแจนี้ ก็สามารถเสียบกุญแจเข้ากับอุปกรณ์แล้วเข้าสู่ระบบได้

แอปเปิลกล่าวว่า กุญแจรักษาความปลอดภัยที่มาเป็นกายภาพแบบนี้ จะช่วยป้องกันฟิชชิง (Phishing) และการเข้าถึงบัญชีที่ไม่ได้รับอนุญาตได้อย่างแน่นหนา เพราะหากไม่มีกุญแจ ก็จะไม่มีใครสามารถเข้าถึงอุปกรณ์หรือ Apple ID ของเราได้ แม้จะมีรหัสก็ตาม

การตั้งค่ากุญแจรักษาความปลอดภัยในอุปกรณ์ที่ใช้ iOS/iPadOS 16.3 นั้น ให้ไปที่ ‌Apple ID‌ > กุญแจรักษาความปลอดภัย (Security Key) แล้วทำตามขั้นตอนและข้อแนะนำ ทั้งนี้ กุญแจรักษาความปลอดภัยนั้นต้องเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับการรับรองจาก FIDO เช่น Yubikey

การปกป้องข้อมูลขั้นสูง

iOS 16.3 นำฟีเจอร์การปกป้องข้อมูลขั้นสูงมาใช้ โดยเป็นการปกป้องข้อมูลที่จะเข้ารหัสข้อมูลตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง จะมีการปกป้องข้อมูล 23 หมวดหมู่ ซึ่งคนที่เข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ก็มีแต่อุปกรณ์ของเราเท่านั้น แม้แต่แอปเปิลก็ไม่สามารถเข้าถึงได้

แก้ไขระบบขอความช่วยเหลือ SOS

ระบบขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน SOS ได้รับการอัปเดตเพื่อป้องกันการขอความช่วยเหลือโดยไม่ตั้งใจ ใช้งานได้โดยกดปุ่มด้านข้างค้างไว้พร้อมกับปุ่มเพิ่มหรือลดระดับเสียง และต้องปล่อยปุ่มเพื่อขอความช่วยเหลือ จากเดิมที่เพียงกดปุ่มก็สามารถเปิดใช้งาน SOS ฉุกเฉินได้ (Call with Hold ถูกแทนที่ด้วย Call with Hold and Release)

นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกในการขอความช่วยเหลืออย่างเงียบ ๆ ใน SOS ฉุกเฉิน เมื่อเปิดใช้งานตัวเลือกนี้ หากพยายามขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน โทรศัพท์ของคุณจะไม่กะพริบหรือส่งเสียงเตือน

วอลล์เปเปอร์ใหม่

แอปเปิลเพิ่มวอลเปเปอร์ใหม่ “Black Unity” ใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อเฉลิมฉลองเดือน Black History ซึ่งจะมีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์นี้

รองรับ HomePod Gen 2

iOS 16.3 และ iPadOS 16.3 เพิ่มการรองรับสำหรับ HomePod รุ่นที่ 2 ที่เปิดตัวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ‌HomePod‌ 2 มีขนาดใกล้เคียงกับ ‌HomePod‌ ดั้งเดิม แต่มีอินเทอร์เฟซแบบสัมผัส รองรับการตรวจจับความชื้นและอุณหภูมิ การเชื่อมต่อเธรด ชิป Ul และอีกมากมาย

แก้ไขบั๊กต่าง ๆ

  • แก้ไขปัญหาในแอปพลิเคชัน Freeform ที่บางครั้งเมื่อวาดเส้นด้วย Apple Pencil หรือนิ้วแล้วไม่ปรากฏเส้นที่วาด
  • แก้ไขปัญหาวอลเปเปอร์ปรากฏเป็นสีดำบนหน้าจอล็อกสกรีน
  • แก้ไขปัญหาเส้นแนวนอนปรากฏบนจอ iPhone 14 Pro Max
  • แก้ไขปัญหาวิดเจ็ต Home Lock Screen แสดงสถานะไม่ถูกต้อง
  • แก้ไขปัญหา Siri อาจตอบสนองต่อคำขอเพลงไม่ถูกต้อง
  • แก้ไขปัญหา Siri ใน CarPlay อาจไม่เข้าใจคำสั่ง
  • แก้ไขช่องโหวความปลอดภัยบนแอปฯ ต่าง ๆ เช่น Safari, Weather, Mail, Screen Time ฯลฯ

สำหรับอุปกรณ์ที่รองรับระบบปฏิบัติการ iOS 16.3 ประกอบด้วย

  • iPhone 14
  • iPhone 14 Plus
  • iPhone 14 Pro
  • iPhone 14 Pro Max
  • iPhone 13
  • iPhone 13 mini
  • iPhone 13 Pro
  • iPhone 13 Pro Max
  • iPhone 12
  • iPhone 12 mini
  • iPhone 12 Pro
  • iPhone 12 Pro Max
  • iPhone 11
  • iPhone 11 Pro
  • iPhone 11 Pro Max
  • iPhone XS
  • iPhone XS Max
  • iPhone XR
  • iPhone X
  • iPhone 8
  • iPhone 8 Plus
  • iPhone SE รุ่นที่ 2
  • iPhone SE รุ่นที่ 3

สามารถอัปเดตระบบปฏิบัติการได้โดยเข้าไปที่ ตั้งค่า > ทั่วไป > รายการอัปเดตซอฟต์แวร์ แล้วกดอัปเดต

เรียบเรียงจาก CNET / MacRumurs

ภาพจาก AFP