หน้าแรก ข่าวเศรษฐกิจ หุ้นไทย ลุ้น Go&Test แถว 1,640-1,670 จุด รับเปิดเมืองครั้งใหม่

หุ้นไทย ลุ้น Go&Test แถว 1,640-1,670 จุด รับเปิดเมืองครั้งใหม่

1285
0
© Matichon ภาพประกอบข่าว

หุ้นไทยสัปดาห์หน้า ลุ้น Go&Test แถว 1,640-1,670 จุด รับเปิดเมืองครั้งใหม่ “ฟิลลิป” มอง “หุ้นเปิดเมือง-ท่องเที่ยว” ทยอยฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 1/65 เป็นต้นไป จับตาประชุม FOMC วันที่ 25-26 ม.ค.65 -การเมืองในประเทศ

วันที่ 23 มกราคม 2565 บริษัท หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า (24-28 ม.ค.65) ว่า มองดัชนี SET Index จะเคลื่อนไหวออกข้างในกรอบระหว่าง 1,640-1,670 จุด คาดตอบรับการเร่งตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) และดอกเบี้ยไปมากแล้ว

ส่วนการผ่อนคลายมาตรการคาดจะช่วยหนุนหุ้นเปิดเมืองและกลุ่มท่องเที่ยวทยอยฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 1/65 เป็นต้นไป รอติดตามการประชุม ครม. อนุมัติมาตรการ EV และ GDP ไตรมาส 4/64 สหรัฐ

โดยกลยุทธ์การลงทุน เลือกเก็งกำไรหุ้นในธีม 1.หุ้นเปิดเมืองและท่องเที่ยว และ 2.หุ้นรับประโยชน์ EV ส่วนหุ้นที่ควรถือเพื่อลดความเสี่ยงพอร์ตในช่วงเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ไหลออก ได้แก่ หุ้นปลอดภัยและหุ้นปันผลเด่น

สำหรับที่ประชม ศบค. มีมติลดพื้นที่ควบคุมสีส้มลงเหลือ 44 จังหวัดจากเดิม 69 จังหวัดและเปิดมาตรการ Test&Go อีกครั้งตั้งแต่ 1 ก.พ.65 เป็นต้นไป โดยเพิ่มให้ต้องตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR จำนวน 2 ครั้ง หลังสถานการณ์โอมิครอนไม่รุนแรง ทั้งอัตราการป่วยหนักและอัตราการเสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำเทียบกับสายพันธุ์เดลต้า

กลุ่มท่องเที่ยวและเปิดเมืองจึงมีความหวังอีกครั้งลุ้นฟื้นได้ตั้งแต่ช่วงเดือน ก.พ.65 เป็นต้นไป ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อในหลายประเทศเริ่มชะลอลง ประกอบกับรัฐบาลบางแห่งเริ่มใช้นโยบายอยู่ร่วมกับโควิดแบบโรคประจำถิ่น ทำให้ครึ่งปีหลังมีโอกาสที่จะเปิดพรมแดนหากันมากขึ้น ยกเว้นประเทศจีนที่ยังคงใช้มาตรการคุมเข้มชั้นสูงสุดแบบ Zero-Covid จึงอาจยังไม่มีแนวโน้มที่จะส่งออกนักท่องเที่ยวจีนไปต่างประเทศในปีนี้

© Matichon ภาพประกอบข่าว

ด้านการประชุม FOMC ครั้งแรกของปีนี้ ติดตามการประชุมระหว่างวันที่ 25-26 ม.ค.65 หลังภาวะเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปีที่ 7% และบอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.87% ซึ่งแม้คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบนี้

แต่ต้องติดตามมุมมองของประธาน Fed ต่อทิศทางเศษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐ โดยคาดว่าในการประชุมครั้งนี้ Fed น่าจะพูดคุยกันถึงกำหนดการขึ้นดอกเบี้ยของปีนี้ ซึ่งคาดการณ์ว่ามีโอกาสจะเกิดขึ้นในเดือน มี.ค.65 เป็นครั้งแรก

ส่วนปัจจัยการเมืองภายในประเทศ ประเด็นการถูกขับออกจากสมาชิกพรรค พปชร. ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และกล่ม 20 ส.ส. ที่คาดว่าจะไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นเพื่อคงสถานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไว้ มีโอกาสทำให้เสียงในสภาของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านกลับมาใกล้เคียงกันได้อีกครั้งบนสมมติฐานว่ากลุ่มดังกล่าวอาจจะเป็นอิสระไม่ขึ้นตรงต่อพรรคแกนนำรัฐบาล

ทั้งนี้ช่วงเวลาที่ต้องระวังคือเดือน พ.ค.65 ที่จะเปิดสมัยประชุมสภาครั้งใหม่และฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล สวนการยุบสภาทางฝ่ายประเมินว่าอาจมีโอกาสเกิดขึ้นหากการแก้ไข พรป.รัฐธรรมนูญ ดำเนินการแล้วเสร็จ ช่วงปลายปี จึงเป็นจังหวะเล่นหุ้นธีมเลือกตั้งใหญ่